วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ความว่างแห่งจิต

ความว่างแห่งจิต

--------------------------------------------------------------------------------

สิ่งทั้งมวลก่อกำเนิดขึ้นมาจากความว่าง แม้แต่จิตเดิมของเรา ก็เป็นเช่นนั้น

แต่ตอนนี้หากเราหันมาสังเกตและพิจารณาให้ลึกเข้าไปภายในใจของตน จะพบว่า มีบางอย่างมาปิดบังความว่าง มากมายเหลือเกิน

การติดดี ติดสุข และการหลงติดว่าสภาวะนั้นคงอยู่ไปตลอดกาล นั่นคือความทุกข์สุดสุดของมนุษย์

เพราะนอกจากจะทำให้ตาบอดมองไม่เห็นธรรมชาติตามจริงของสรรพสิ่งแล้ว ยังปล่อยให้ "ความหลง" เข้าครอบงำจิตใจอีกด้วย

การที่เราพิจารณาและเห็นตามจริงของทุกสิ่ง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม
เมื่อเราลองพิจารณาไปเรื่อยๆจะพบความจริงที่เป็นอมตะข้อนึงที่ว่า

สรรพสิ่ง ล้วนเกิดจากความเป็นธรรมดา นั่นคือความว่างเปล่า และมีแหล่งกำเนิดมาจากที่เดิมที่เดียวกัน
ซึ่งสุดท้ายแล้ว มันก็ต้องมีจุดจบเหมือนกัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นความรู้สึกหรือสิ่งของที่จับต้องได้ก็ตาม

ใจที่เป็นสุข คือใจที่ไม่ยึด และไม่เพลิดเพลินไปกับสิ่งใดๆ เมื่อสุข เราก็เฉยๆ เมื่อทุกข์เราก็เฉยๆ
เมื่อสุขนั้นหายไป เราก็ไม่เศร้าโศกเสียใจเพราะเราไม่ได้ยึดติดกับมันมาแต่ต้น

เมื่อทุกข์นั้นหายไป เราก็ไม่ดีใจให้เสียพลังงาน ก็เพราะเราไม่ได้สนใจมันมาตั้งแต่ทีแรก


อะไรที่ควรระวังที่สุดในการดำเนินชีวิต
ตอบ-->
ระวังสิ่งที่มากระทบใจ ระวังสิ่งที่เกิดจากการปรุงแต่งของใจ

บางครั้งก้อยก็คิดว่า เราควรปิดตาและปิดหูเสียบ้าง
และเอาเวลาน้อมหันเข้าหาพิจารณาตนเองให้มากๆ


ตนเองนั้นแหละ เป็นแหล่งที่ควรศึกษาและพิจารณาให้มาก ไม่ใช่คนอื่น

อย่าเที่ยวเสียเวลาไปดูคนอื่นเลย ดูตัวเองเถิด


น่าแปลกที่ทุกคนย่อมต้องการความสงบสุขทางใจกันทั้งนั้น
แต่เหตุใด? ถึงไม่หาสิ่งที่จะทำให้ใจเป็นสุขได้จริงๆ นั่นคือ ความสงบ

กลับหาสิ่งภายนอกตัว มาป้อนให้ใจ

แล้วยังงี้ ใจมันจะสงบสุขได้อย่างไร?


ท้ายนี้ก่อนลาจากกันไป ขอฝากบทความนึงไว้ -->

วิ่งร้อยกิโลเมตรยังมีวันหยุด และยังมีวันถึงเส้นชัย
แต่วิ่งตามกิเลสในใจ วิ่งให้ตาย ก็ไม่มีวันพอ

BY:KhUnMoR~koymoo~

1 ความคิดเห็น: