วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เป้าหมายของชีวิต...

คนเราเกิดมาทุกคนย่อมต้องรู้เป้าหมายของชีวิต ไม่ใช่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อทิ้งลมหายใจไปวันๆ...
...ไม่ผิดนักที่หลายคนยังไม่รู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของตัวเอง ขอให้มีสักบางเวลา ที่เราได้ใช้หัวใจและรอยหยักในสมองคิดเรื่องนี้บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว...!!!

มีหลายคน ที่ได้อ่านข้อความของหมอ และได้ติดตามอ่าน ในเวบพลังจิตบ้าง (www.palungjit.com/board) หรือแม้กระทั่งใน exteen และในบล็อคนี้ด้วยก็ตาม เสียงตอบรับเกือบทุกเสียง จะไปในทางเดียวกัน...

ความจริงแล้ว หมอเองก็จำไม่ได้แล้วว่า ต้องการแสวงหาจุดมุ่งหมาย "สูงสุด"ของชีวิต ตั้งแต่เมื่อไหร่ วินาทีไหน รู้แต่ว่า รู้สึกเหมือนชีวิตเราที่เกิดมานี้ ขาดบางสิ่งบางอย่างในชีวิต สิ่งนั้นเป็น "สิ่งเดียว" และยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร...

ไม่มีใครตอบและไม่มีใครบอกหมอได้ ... แน่นอน มันไม่ใช่วัตถุภายนอกที่คนทั่วไปเรียกหาหรอก

เงิน รถ บ้าน อะไรต่างๆมันก็เท่านั้น มันไม่ได้ให้เรามีความสุขได้จริงๆสักหน่อย ถึงแม้มีหลายคนที่อ่านถึงบรรทัดนี้แล้วเถียงขึ้นมาในใจหรือนอกใจก็ตาม ก็แล้วแต่คุณนะ แต่หมอพิสูจน์มาแล้ว ว่า สิ่งที่อยู่ภายนอกจิตใจ จะมาทดแทนความสุขซึ่งเป็นความรู้สึก "ภายในใจ" ได้อย่างไร... ???

หมอเฝ้าพยายามแสวงหาบางสิ่งบางอย่างจนมาถึงตอนนี้ ระยะเวลาหลายปีมาแล้ว ...

สิ่งที่หมอคิดอยู่ตอนนี้ หมอเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นจุดมุ่งหมายเดียวของหมอที่ได้เกิดมาชาตินี้หรือไม่???

บางครั้ง เรารู้ แต่เรายังทำไม่ได้ เพราะเวลายังไม่เอื้ออำนวย ...

ที่รู้ๆตอนนี้ หมอไม่มีความสุขกับสิ่งที่หมอเป็นและทำอยู่เลย หมอรู้สึกว่า ถูกจำกัดทางความคิดและอิสรภาพด้วยอะไรบางอย่างด้วยสิ่งที่เรามองเห็นและไม่เห็น และตัวหมอเอง ก็ไม่สามารถจะหลีกไปจากตรงนี้ได้เลย...

หมอไม่มีความสุข กับเงินทอง เกียรติยศหรือชื่อเสียงจอมปลอม หมอรู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถให้ความสุขทางใจหมอไปได้ตลอดชีวิต !!!

บางครั้ง...ความสุขที่สุดของคนเรา ก็คือการที่เราได้ค้นหาตัวเองเจอ
แต่มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด ที่เรา...กลับไม่มีโอกาสได้สัมผัสมัน...

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทำงาน...ทำด้วย heart และ head ?

อาชีพทุกอาชีพ หากทำด้วยจิตที่ยินดีจะทำและเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จริงๆ ทำแล้วส่วนใหญ่ก็จะได้บุญมากกว่าได้บาป...
แต่บางอาชีพ ถ้าทำแบบขอไปที หรือขี้เกียจทำ ทำไปให้เวลามันผ่านๆไป ก็อาจจะได้บาปมากกว่า"บุญ"!!!

อย่าง ยกตัวอย่าง อาชีพของตัวเองคือ "แพทย์" ถือว่า เสี่ยงมาก กับการที่บางครั้ง เราอาจคิดว่า เรากำลังทำบุญให้คนไข้ หารู้ไม่ว่า การตรวจหรือรักษาคนไข้แบบ "ขอไปที" หรือแบบผ่านๆ อาจเป็นการทำร้ายคนไขข้และสร้างบาปให้ตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว

เพราะผลของกรรม หรือการกระทำ อยู่ที่เจตนา โดยมีใจเป็นใหญ่ เป็นประธาน นั่นเอง...

ดังนั้น จึงเป็นข้อคิดให้แพทย์ทั้งหลายได้ตัดสินใจว่า การจะเลือกมาเรียนแพทย์ รวมถึงการเลือกเรียนต่อในสาขาเฉพาะทางนั้น หนึ่งคือ ต้องเลือกด้วยใจ ไม่ใช่เลือกเพราะเรียนสบายหรือเลือกเรียนเพราะศักดิ์ศรีดีกว่าสาขาอื่น...!!!

เพราะอะไรที่เราทำด้วยใจให้คนไข้ หรือใครก็ตาม ถึงแม้จะดูเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ก็อาจมีประโยชน์มากกว่าการที่เราเลือกเรียนบางสาขาใหญ่ๆเพราะ เหตุผลบางอย่าง แต่ใจไม่ตั้งใจรักษาคนไข้ แถมยัง harmful คนไข้...แบบนี้ ภายนอกดูเหมือนจะได้บุญ แต่กลับได้บาปไปเต็มๆ...

พูดง่ายๆ ทำประโยชน์เล็กน้อยให้คนไข้แต่เราทำด้วย"ใจเต็มๆ" มีอานิสงส์มากกว่า การทำสิ่งที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่เราไม่เต็มใจที่จะทำ!!!

เลือกเรียนอะไรก็เรียนไปเถอะ แต่ถามใจตัวเองก่อน ด้วยเหตุผลคือ หนึ่ง ใจเรารักไหม สอง สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องเงิน ไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าข้อหนึ่งผ่าน ข้อสองสามจะตามมาเองโดยอัตโนมัติ...

การทำในสิ่งที่รัก แม้ทำจนตาย และถึงแม้ทำแล้วอาจจะไม่ได้อะไรเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏในใจก็คือ "ความสุขที่ได้ทำ"...

ตัวเองได้ค้นพบสัจธรรมนี้ขณะนี้นี่เอง...(แพทย์ใช้ทุนปีที่ 1)...


" เป็นอะไรก็ได้ ที่ใจรัก แล้วเราจะทำสิ่งนั้นอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายและเหน็ดเหนื่อย
เลือกเรียนอะไรก็ได้ที่เราชอบที่สุด... ซึ่งสิ่งที่เราชอบนั้น ต้องไม่เป็นการทำให้ตนเอง ครอบครัวและสังคมเดือดร้อน...


งานที่ดี ต้องมีใจรัก ไม่ใช่ดูที่เงิน หรือปัจจัยสุขภายนอก...
มีคนรวยมากมายที่ค้นพบว่า เงินทองข้าวของทั้งหลาย ไม่สามารถทดแทนและเป็นความสุขที่แท้จริง
และก็มีเศรษฐีอเมริกันมากมายที่ บั้นปลายชีวิต ทิ้งธุรกิจให้ลูกหลานดูแล ส่วนตัวเองและครอบครัว กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่กระท่อมปลายนาเล็กๆ มีรถกระบะเก่าๆขับหนึ่งคัน และสวนหลังบ้านของเขา...

ที่พูดแบบนี้ เพราะตัวเองก็พิสูจน์มาแล้วเหมือนกัน !!!