วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทำงาน...ทำด้วย heart และ head ?

อาชีพทุกอาชีพ หากทำด้วยจิตที่ยินดีจะทำและเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จริงๆ ทำแล้วส่วนใหญ่ก็จะได้บุญมากกว่าได้บาป...
แต่บางอาชีพ ถ้าทำแบบขอไปที หรือขี้เกียจทำ ทำไปให้เวลามันผ่านๆไป ก็อาจจะได้บาปมากกว่า"บุญ"!!!

อย่าง ยกตัวอย่าง อาชีพของตัวเองคือ "แพทย์" ถือว่า เสี่ยงมาก กับการที่บางครั้ง เราอาจคิดว่า เรากำลังทำบุญให้คนไข้ หารู้ไม่ว่า การตรวจหรือรักษาคนไข้แบบ "ขอไปที" หรือแบบผ่านๆ อาจเป็นการทำร้ายคนไขข้และสร้างบาปให้ตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว

เพราะผลของกรรม หรือการกระทำ อยู่ที่เจตนา โดยมีใจเป็นใหญ่ เป็นประธาน นั่นเอง...

ดังนั้น จึงเป็นข้อคิดให้แพทย์ทั้งหลายได้ตัดสินใจว่า การจะเลือกมาเรียนแพทย์ รวมถึงการเลือกเรียนต่อในสาขาเฉพาะทางนั้น หนึ่งคือ ต้องเลือกด้วยใจ ไม่ใช่เลือกเพราะเรียนสบายหรือเลือกเรียนเพราะศักดิ์ศรีดีกว่าสาขาอื่น...!!!

เพราะอะไรที่เราทำด้วยใจให้คนไข้ หรือใครก็ตาม ถึงแม้จะดูเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ก็อาจมีประโยชน์มากกว่าการที่เราเลือกเรียนบางสาขาใหญ่ๆเพราะ เหตุผลบางอย่าง แต่ใจไม่ตั้งใจรักษาคนไข้ แถมยัง harmful คนไข้...แบบนี้ ภายนอกดูเหมือนจะได้บุญ แต่กลับได้บาปไปเต็มๆ...

พูดง่ายๆ ทำประโยชน์เล็กน้อยให้คนไข้แต่เราทำด้วย"ใจเต็มๆ" มีอานิสงส์มากกว่า การทำสิ่งที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่เราไม่เต็มใจที่จะทำ!!!

เลือกเรียนอะไรก็เรียนไปเถอะ แต่ถามใจตัวเองก่อน ด้วยเหตุผลคือ หนึ่ง ใจเรารักไหม สอง สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องเงิน ไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าข้อหนึ่งผ่าน ข้อสองสามจะตามมาเองโดยอัตโนมัติ...

การทำในสิ่งที่รัก แม้ทำจนตาย และถึงแม้ทำแล้วอาจจะไม่ได้อะไรเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏในใจก็คือ "ความสุขที่ได้ทำ"...

ตัวเองได้ค้นพบสัจธรรมนี้ขณะนี้นี่เอง...(แพทย์ใช้ทุนปีที่ 1)...


" เป็นอะไรก็ได้ ที่ใจรัก แล้วเราจะทำสิ่งนั้นอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่ายและเหน็ดเหนื่อย
เลือกเรียนอะไรก็ได้ที่เราชอบที่สุด... ซึ่งสิ่งที่เราชอบนั้น ต้องไม่เป็นการทำให้ตนเอง ครอบครัวและสังคมเดือดร้อน...


งานที่ดี ต้องมีใจรัก ไม่ใช่ดูที่เงิน หรือปัจจัยสุขภายนอก...
มีคนรวยมากมายที่ค้นพบว่า เงินทองข้าวของทั้งหลาย ไม่สามารถทดแทนและเป็นความสุขที่แท้จริง
และก็มีเศรษฐีอเมริกันมากมายที่ บั้นปลายชีวิต ทิ้งธุรกิจให้ลูกหลานดูแล ส่วนตัวเองและครอบครัว กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่กระท่อมปลายนาเล็กๆ มีรถกระบะเก่าๆขับหนึ่งคัน และสวนหลังบ้านของเขา...

ที่พูดแบบนี้ เพราะตัวเองก็พิสูจน์มาแล้วเหมือนกัน !!!

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คนเรา...นี่ก็แปลก

ไม่เข้าใจเลย...อยู่ดีๆก็ถูกเข้าใจผิด
โดนกล่าวหา ในข้อหาที่คนทั่วไปและสังคมตั้งกฏเกณฑ์และให้คำนิยามกับการกระทำบางอย่าง

คนเรานี่ก็แปลกนะ... ชอบตัดสินคนอื่น ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทุกการกระทำของคนทุกคนก็ย่อมต้องมีเหตุผลด้วยกันทั้งนั้น
ไม่มีใครถูก หรือ ผิด ในการเลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไร
และไม่ใช่หน้าที่ของคุณหรือของใคร มานั่งตัดสินคนอื่น

โลกเราตอนนี้วิปริตไปมาก... มากซะจนเรื่องที่ควรวิตกกลับกลายเป็นเรื่องปกติ
ส่วนเรื่องที่เป็นเรื่องจริง และสมควรทำ กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องหลอกลวงและน่าหัวเราะเยาะ

ครั้งนึงเคยคิดและพยายามที่จะเป็นคนดี แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา มีแต่น้ำตาและความโศกเศร้า

จนถึงตอนนี้ ก็ไม่ได้เลิกคิดที่จะทำแบบนั้น เพียงแต่เปลี่ยนจาก การพยายามเป็นคนดี มาเป็น การพยายามทำสิ่งที่ดีดี




ต่อจากนี้...
พวกคุณหรือใครก็ตาม อยากจะตัดสินใคร อยากจะมองยังไง จะไม่สนใจและจะไม่มีข้อแก้ต่างแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น
อยากเข้าใจยังไงก็จงเข้าใจแบบนั้นกันต่อไป...

เพราะตัวเราเองรู้ดีที่สุด ว่าทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปทำไม และเราทำเพื่อใคร...




ไม่โกรธหรอก แต่เสียความรู้สึกมากกว่า ที่พยายามรู้สึกดีดีมาตลอด แต่ทำไม เป็นเราทุกครั้งที่ต้องเสียใจ..


ขออโหสิกรรมให้กับการกระทำและความเข้าใจผิดทุกๆอย่าง


และอยากจะบอกว่า...

สิทธิของพวกคุณ คือการที่คุณสามารถจ้องจับผิดและยัดข้อกล่าวหาให้บางคนได้จากเพียงแค่ "น้ำลาย"ของคนอื่น

แต่พวกคุณ ไม่มีวัน จะทำลาย ความเป็นตัวตน และศักดิ์ศรีของ คนคนหนึ่งได้

เพราะคนจะดีหรือเลว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปากใคร แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำ



ที่เขียนมาทั้งหมดนี่... เข้าใจในโลกธรรมอย่างชัดเจน (ทั้งแบบโลกธรรมและ โลก-กระ-ทำ)

ทำให้ได้รู้ว่า

......
ในวันที่เรารู้สึกแย่กับสิ่งรอบตัว

นั่นเพราะ ธรรมชาติ...กำลังสอนให้เรารู้จักปล่อยวาง...ให้เป็น